วันอังคารที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2554

นักแตะทีมแมนยู


หมายเลขตำแหน่งผู้เล่น
1Flag of the NetherlandsGKเอดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์
2Flag of อังกฤษDFแกรี่ เนวิลล์
3Flag of ฝรั่งเศสDFปาทริซ เอวร่า
4Flag of อังกฤษMFโอเว่น ฮาร์กรีฟส์
5Flag of อังกฤษDFริโอ เฟอร์ดินานด์
6Flag of อังกฤษDFเวส บราวน์
7Flag of อังกฤษFWไมเคิล โอเวน
8Flag of บราซิลMFแอนเดอร์สัน
9Flag of บัลแกเรียFWดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ
10Flag of อังกฤษFWเวย์น รูนี่ย์
11Flag of เวลส์MFไรอัน กิ๊กส์
13Flag of เกาหลีใต้MFพาร์ค ชี ซอง
14Flag of เม็กซิโกFWคาเบียร์ เอร์นันเดซ
15Flag of เซอร์เบียDFเนมานย่า วิดิช ((กัปตันทีม))
16Flag of อังกฤษDFไมเคิล คาร์ริก
17Flag of โปรตุเกสMFนานี
18Flag of อังกฤษMFพอล สโคลส์
19Flag of อังกฤษFWแดนนี่ เวลเบ็ค
20Flag of บราซิลDFฟาบีโอ ดา ซิลวา
21Flag of บราซิลDFราฟาเอล ดา ซิลวา
22Flag of IrelandDFจอห์น โอเช
23Flag of ไอร์แลนด์เหนือDFจอนนี่ อีแวนส์
24Flag of สกอตแลนด์MFดาร์เรน เฟล็ตเชอร์
25Flag of เอกวาดอร์MFอันโตนิโอ วาเลนเซีย
26Flag of ฝรั่งเศสFWกาเบรียล โอแบร์ต็อง
27Flag of อิตาลีFWเฟเดอริโก้ มาเคด้า
28Flag of IrelandMFดาร์รอน กิ๊บสัน
29Flag of โปแลนด์GKโทมัส คุสแช็ค
33Flag of โปรตุเกสMFเบเบ

[แก้] ผู้เล่นที่โด่งดัง

ผู้เล่นซึ่งลงสนามตั้งแต่ 1 ครั้งขึ้นไป (รวมทั้งในฐานะตัวสำรอง) อย่างไรก็ตาม รวมผู้เล่นบางคนที่เล่นน้อยกว่า 100 ครั้งแต่มีส่วนสำคัญต่อประวัติศาสตร์ของสโมสรด้วย (เช่น เลียม วีแลน)
ผู้เล่นเรียงลำดับตามวันที่ลงสนามให้สโมสรครั้งแรกของพวกเขา จำนวนครั้งและประตูนับเฉพาะการแข่งขันของทีมชุดแรกเท่านั้น รวมการแข่งขันในเวลาสงครามด้วย
สถิติ ณ วันที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2551 (ค.ศ. 2008)

ผู้ฝึกสอนทีมแมนยู


อเล็กซ์ เฟอร์กูสันได้เข้ามาคุมทีมต่อ โดยในฤดูกาลแรกสโมสรจบฤดูกาลด้วยอันดับ 11 แต่ในปีต่อมาก็ได้อันดับสองโดยไบรอัน แมคแคลร์ทำประตูได้ถึง 21 ประตู เป็นคนแรกของทีมหลังจากที่จอร์จ เบสต์เคยทำได้มาก่อนหน้านี้
ในปี 1989 เฟอร์กูสันเกิดความยากลำบากในการคุมทีมขึ้น เนื่องจากตัวผู้เล่นหลายตัวที่เขานำเข้ามาในทีมไม่เป็นที่พอใจของแฟนบอล มีข่าวออกมาว่าสโมสรจะปลดเฟอร์กี้ออกจากการเป็นผู้จัดการทีมในช่วงต้นปี 1990 แต่การชนะนอตติ้งแฮม ฟอเรสต์ในรอบสาม ของเอฟเอ คัพ ก็ทำให้เขาสามารถคุมทีมต่อไปได้ จนคว้าแชมป์เอฟเอ คัพได้ในปีนั้น เป็นแชมป์แรกให้กับเขาในการคุมแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด
ฤดูกาล 1990-91 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดคว้าแชมป์คัพ วินเนอร์ส คัพ โดยการเอาชนะบาร์เซโลนา จากสเปน ในนัดชิงชนะเลิศ แต่ปีต่อมาทีมทำผลงานไม่ดีนักในพรีเมียร์ลีก
สโมสรแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดได้เข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ในลอนดอนเมื่อปี 1991 ด้วยมูลค่าทรัพย์สิน 18 ล้านปอนด์ จากนั้น สโมสรต้องเปิดเผยข้อมูลการเงินทั้งหมดสู่สาธารณะ
เอริค คันโตนาย้ายจากลีดส์ ยูไนเต็ดมาร่วมทีมเมื่อปี 1992 ส่งผลต่อความสำเร็จของทีมเป็นอย่างมาก ทำให้ทีมได้แชมป์พรีเมียร์ลีกในฤดูกาลนั้นทันที ซึ่งนับเป็นแชมป์ลีกหนแรกในรอบ 26 ปี นับจากที่ได้มาครั้งล่าสุดในปี 1967 ปีต่อมา ทีมได้ดับเบิลแชมป์เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์สโมสร แต่ในปี 1994 นั้นเอง แมตต์ บัสบี้ ตำนานกุนซือของได้เสียชีวิตลงในวันที่ 20 มกราคม
ฤดูกาล 1994-95 คันโตนาถูกสมาคมฟุตบอลอังกฤษลงโทษห้ามแข่งถึง 8 เดือน หลังจากที่ไปกระโดดถีบใส่แมทธิว ซิมมอนส์ แฟนบอลคริสตัล พาเลซ ปีนั้น แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดได้รองแชมป์ทั้งพรีเมียร์ลีกและเอฟเอ คัพ เฟอร์กูสันได้กระทำสิ่งที่ขัดใจแฟนบอลของทีมอีกครั้ง ด้วยการขายนักเตะสำคัญของทีมและดันนักเตะจากทีมเยาวชนขึ้นมาเล่นแทน แต่ปีนั้นทีมก็สามารถคว้าดับเบิ้ลแชมป์ได้อย่างน่ายกย่อง โดยเป็นทีมแรกของเกาะอังกฤษ ที่สามารถคว้าดับเบิ้ลแชมป์ได้เป็นสมัยที่สองซึ่งเว้นจากครั้งแรกที่ได้ดับเบิ้ลแชม์ในปี 1994 เพียงปีเดียว และสามารถที่จะลบคำสบประมาทที่ถูกปรามาสเอาไว้ว่าไม่สามารถที่จะประสบความสำเร็จใดๆได้ จากการผลักดันเด็กเยาวชนของทีมให้ขึ้นมาเล่นในทีมชุดใหญ่
สโมสรคว้าแชมป์ลีกอีกครั้งในปี 1997 จากนั้น เอริค คันโตนาได้ประกาศเลิกเล่นฟุตบอลด้วยวัยเพียง 30 ปีซึ่งเร็วกว่านักเตะคนอื่นๆ มาก ฤดูกาลทีมยังเริ่มต้นการแข่งขันได้ดี แต่มีปัญหาอาการบาดเจ็บรบกวนมามากจนทำให้จบฤดูกาลได้เพียงอันดับสองเท่านั้น
ปี 1998-99 ถือเป็นปีที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในประวัติศาสตร์สโมสร ด้วยการเป็นทีมแรกของอังกฤษที่คว้าทริปเปิลแชมป์ ซึ่งประกอบด้วยพรีเมียร์ลีก เอฟเอคัพ และยูฟา แชมเปี้ยนส์ลีกได้ในฤดูกาลเดียวกันอย่างน่าประทับใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในรอบชิงชนะเลิศฟุตบอลยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก โดยในนาทีสุดท้ายของเกมนั้น ทีมยังตามหลังบาเยิร์น มิวนิกอยู่ 1-0 แต่แล้วในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ 3 นาทีนั้น ทีมสามารถทำได้ถึงสองประตูพลิกกลับมาชนะ 2-1 ได้อย่างเหลือเชื่อจากเท็ดดี้ เชอริงแฮม และ "เพชรฆาตหน้าทารก" โอเล่ กุนนาร์ โซลชา
จากการคว้าสามแชมป์ ทำให้อเล็กซ์ เฟอร์กูสันได้รับการพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์จากสมเด็จพระบรมราชินีนาถเอลิซาเบถที่ 2 เป็นท่านเซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน เพื่อตอบแทนผลงานที่สามารถสร้างชื่อเสียงและเกียรติประวัติให้แก่ประเทศ ซึ่งถือเป็นบุคคลที่ได้รับตำแหน่งท่านเซอร์คนที่ 3 ในประวัติศาสตร์ของสโมสร โดยผู้ที่ได้รับคนแรกคือ เซอร์แมตต์ บัสบี้ คนที่สองคือ เซอร์บ็อบบี้ ชาร์ลตัน ตำนานของสโมสรแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด
หลังจากคว้าแชมป์ลีกในฤดูกาลที่ผ่านมา ในฤดูกาล 1999-2000 ถึง 2000-2001 ยูไนเต็ดสร้างประวัติศาสตร์ใหม่ในวงการฟุตบอลอังกฤษโดยการแชมป์ลีก 3 ครั้งติดต่อกัน ซึ่งเป็นทีมทึ่ 3 ที่ทำได้ (ทีมที่ทำได้ก่อนหน้าคือทีมแรกอาร์เซนอลฤดูกาล 1932-33, 1933-34 และ 1934-35และลิเวอร์พูล) และในช่วงนั้นยูไนเต็ดได้คว้าตัวนักเตะสำคัญคือ กองหน้าชาวดัตช์ รุด ฟาน นิสเตลรอย ซึ่งปัจจุบันได้กลายเป็น 1 ในตำนานสโมสรที่ลงสนาม 220 นัด และยิงได้ถึง 150 ประตู และริโอ เฟอร์ดินานด์ กองหลังที่มีค่าตัวสูงถึง 30 ล้านปอนด์
แต่อย่างไรก็ดี ในปี 2001-2006 ยูไนเต็ดได้ประสบปัญหาหลายอย่าง อย่างแรกคือสโมสรไม่สามารถหาผู้รักษาประตูที่เป็นตัวตายตัวแทนของ ปีเตอร์ ชไมเคิ่ล ได้ สโมสรได้เปลี่ยนผู้รักษาประตูมือ 1 หลายคน ไม่ว่าจะเป็นมาร์ค บอสนิช, ไรมอนด์ ฟาน เดอ ฮาว, มัสซิโม่ ตาอิบี้, พอล ราชุบก้า, แอนดี้ กอแร่ม, ฟาเบียง บาร์กเตซ, ทิม โฮเวิร์ด, รอย คาโรล, และ ริคาร์โด้ โลเปซ และปัญหาอีกอย่างหนึ่งคือมีผู้เล่นที่เป็นกำลังหลักจำนวนมากได้ออกจากสโมสรไม่ว่าจะเป็นยาป สตัม, เดวิด เบ็คแฮม, รอย คีน กัปตันทีม, หรือแม้กระทั่งรุด ฟาน นิสเตลรอย โดยมีสาเหตุมาจากการมีปัญหากับเซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน [4] [5] ทั้งสิ้น ในช่วง 5 ปีนี้ ยูไนเต็ดคว้าแชมป์ลีกเพียงครั้งเดียว (ฤดูกาล 2002-2003) และได้ถ้วยรางวัลอื่นๆ อีก 2 รายการ คือ เอฟเอคัพ (2003-2004) และ ลีกคัพ (2005-2006) เท่านั้น โดยใน 2 ฤดูกาลหลัง เชลซีได้เข้ามามีบทบาทเด่นในฟุตบอลลีกเนื่องมาจากการเข้าเทคโอเวอร์สโมสรของ โรมัน อบราโมวิช มหาเศรษฐีชาวรัสเซีย ทำให้เชลซีมีงบประมาณซื้อตัวผู้เล่นไม่จำกัดและคว้าแชมป์ลีก 2 ปีติดต่อกัน
ต่อมาในปี 2006-2008 อเล็กซ์ เฟอร์กูสันได้ผ่าตัดทีมใหม่อีกครั้ง โดยมีแกรี่ เนวิลล์ เป็นกัปตันทีมคนใหม่ที่รับตำแหน่งกัปตันแทน รอย คีน 11 ผู้เล่นของยูไนเต็ดมีความลงตัวกว่าปีที่ผ่านๆ มา ผู้เล่นที่โดดเด่นมี เอดวิน ฟาน เดอ ซาร์ ผู้รักษาประตูทีมชาติฮอลแลนด์ที่เป็นตัวแทนของ ปีเตอร์ ชไมเคิ่ล และกองหลังมีเนมานย่า วิดิช ผู้เล่นยอดเยี่ยมของเซอร์เบียแอนด์มอนเตเนโกร และริโอ เฟอร์ดินานด์กองหลังค่าตัว 30 ล้านปอนด์เป็นแกนกลาง, ปีกซ้ายขวามี คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ปีกดาวรุ่งโปรตุเกสที่สืบทอดเสื้อหมายเลข 7 ต่อจากเดวิด เบ็คแฮม และนานี่ ปีกดาวรุ่งผู้เป็นตัวแทนของไรอัน กิ๊กส์ และกองหน้ามี เวย์น รูนี่ย์ ดาวยิงประตูที่มีค่าตัวถึง 27 ล้านปอนด์ [6] เป็นกำลังหลัก อเล็กซ์เฟอร์กูสันได้กล่าวว่าทีมชุดนี้เป็นชุดที่ยอดเยี่ยมไม่แพ้ชุดปี 1999, ซึ่งทีมชุดนี้สามารถนำแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดไล่ล่าความสำเร็จอีกครั้ง โดยการคว้าแชมป์ลีก 3 ปีติดต่อกันในปี 2006-2009 และการคว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีกอีกครั้งในฤดูกาล 2007-2008

ประวัติของแมนยู



ข้อมูลสโมสร

ชื่อสโมสร: แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
ปีที่ก่อตั้ง: 1878 ฉายา: ปีศาจแดง
ที่อยู่: Sir Matt Busby Way, Old Trafford, Manchester M16 0RA
สนาม: โอลด์ แทรฟฟอร์ด ความจุสนาม: 67,000 คน
เบอร์ โทรศัพท์: 0161-872-1661 แฟ็กซ์: 0161-876-5502
ประธานสโมสร: เดวิด กิลล์
ผู้จัดการทีม: เซอร์ อเล็กซ์เฟอกูสัน ผู้ช่วย ผู้จัดการทีม:คารอช เครอช

ประวัติทีมแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด

แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด น่าจะเป็นสโมสรฟุตบอลในประเทศอังกฤษที่มีชื่อเสียงเกรียงไกรและโด่งดังไปทั่วโลก ที่ได้ก่อตั้งมาในปี 1878 (พ.ศ. 2421) โดยใช้ชื่อทีมว่า"นิวตัน อีธ"
พร้อมกับการเลื่อนขึ้นสู่ระดับการแข่งขันในดิวิชั่น 1 ในปี 1892 (พ.ศ.2435) และก่อนปีที่จะเกิดสงครามโลกครั้งแรก เคยนำแชมป์เบี้ยนชิพลีก มาสู่ถิ่นโอลด์แทร๊ฟฟอร์ด ถึง 2 ครั้ง ขณะเดียวก็ยังชนะเลิศแชมป์เอฟ เอ คัพ อีก 1 ครั้ง
หลังจากนั้นเป็นต้นมาประมาณว่าสลครามโลกครั้งที่ 2 ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ดูจะยิ่งห่างเหินพอสมควร ซึ่งอยุ่ภายใต้การควบคุมทีมของผู้จัดการที่มีความแตกต่างกันถึงสองคน โดยคนแรกที่ก้าวเข้ามาควบคุมทีม คือ เซอร์ แม๊ต บัสบี้ โดยทำหน้าที่ในปี 1945
และสามารถนำพาทีมเป็นแชมป์เบี้ยนลีก ได้ถึง 5 ครั้ง พร้อมกับชนะเลิศเอฟ เอ คัพ อีก 2 ครั้ง หลังจากเกิดโศกนาฏกรรม กับทีมเยาวชนสโมสรแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด หรือที่รู้จักกันในชื่อทีม"บัสบี้ เบ็บส์"
เมื่อปี 1958 เครื่องบินตกที่เมืองมิวนิค ขณะเดินทางกลับจากการแข่งขันยูโรเปี้ยน คัพ ที่กรุงเบลเกรด เมืองหลวงของยูฌกสลาเวีย
เป็นเวลาที่เนิ่นนานมานับ 10 ปี ที่ทีมห่างเหินจากการเป็นแชมป์ในรายการใดๆจนกระทั่งสองผู้ยิ่งใหญ่ในการเล่นฟุตบอลโคจรมาพบกัน และรวมพลังสร้างทีมขึ้นมาอีกครั้ง ที่บ๊อบบี้ ชาร์ตัน และ จอร์จ เบสต์
ทำให้ทีมแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด กลายเป็นทีมฟุตบอลทีมแรกของประเทศอังกฤษที่สามารถครองแชมป์ยูโรเปี้ยนคัพ โดยเอาชนะทีมเบนฟิก้า ได้ถึง 4 ประตูต่อ 1ในรอบชิงชนะเลิศ
หลังจากนั้นต่อมาก็ได้ผู้จัดการทีมที่ดูว่าน่าจะสร้างสีสันและความหรูหราให้แก่ทีมแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ต่อไปได้ เช่น ทอมมี่ ด๊อดเคอร์ตี้ และ รอน แอ๊คกินสัน พยายามที่จะทำให้เป็นเหมือนอดีตที่ผ่านมา แต่ว่าไม่สามารถนำแชมป์รายการใดๆมาได้เลย
พอถึงปี1902 แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ก็สามารถล้มฉลามขาวอย่างทีมลีดส์ ยูไนเต็ด ในรายการประจำพรีเมียร์ลีก โดยการครองแชมป์ที่ต้องเดินทางมาไกลแสนไกลโดยใช้เวลาทั้งสิ้น 26 ปีที่ว่างเว้นกับการเป็นแชมป์พรีเมียร์ชิพ
หลังจากนั้นความยิ่งใหญ่อหังการก็ติดตามมาอย่างต่อเนื่อง เมื่อเอาชนะทีมเชลชี ถึง 4 ประตู ต่อ 0 ในการแข่งขัน เอฟ เอ คัพ รอบชิงชนะเลิศ ดูเหมือนว่าจะเป็นเพียงทีมเดียวที่ได้สัมผัสและพบกับคำว่า " Double Double "
เท่านั้นยังไม่พอ ในฤดูกาล 1998-1999 สิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นติดตามมา จากคำว่า Double มาเป็น Tripble

เกียรติประวัติสโมสร

แชมป์ดิวิชั่น 1(เดิม) : 1908,1911,1952,1956,1957,1965,1967
แชมปื พรีเมียร์ ชิพ : 1963,1994,1996,1997,1999,2000,2001,
แชมป์เอฟ เอ คัพ :1909,1948,1963,1977,1963,1985, 1990,1994,1996,1999,2002
แชมป์ ลีก คัพ : 1992
แชมป์ ยูโรเปี้ยนคัพ:1968,1999
แชมป ยูโรเปี้ยน ซุปเปอร์ คัพ:1991
แชมป์โตโยต้า คัพ : 1999